ของที่รีไซเคิลได้ประเภทไหนขายได้ราคาดี ?
รู้ไหม การนำขยะรีไซเคิลไปขาย อาจสร้างรายได้มากกว่าที่คิด
การรีไซเคิล ถือเป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพในการลดปริมาณขยะ ซึ่งนอกจากจะช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมแล้ว การรีไซเคิลยังสามารถสร้างรายได้เสริมอีกด้วย แต่คุณเคยสงสัยไหมว่า ขยะรีไซเคิลประเภทไหนที่ขายได้ราคาดีที่สุด ? วันนี้เรามาแจกแจงราคาขยะรีไซเคิลแต่ละประเภท พร้อมทั้งเคล็ดลับในการเตรียมขยะเพื่อให้ขายได้ราคาดีที่สุด ติดตามเลย
ของอะไรบ้างที่รีไซเคิลได้ ?
ก่อนอื่น มาทำความรู้จักกับประเภทของที่รีไซเคิลได้ ซึ่งแน่นอนว่ามีด้วยกันหลากหลาย แต่เราสามารถจัดแบ่งตามประเภทได้ดังนี้
- กระดาษ : รวมถึงกระดาษขาว-ดำ กระดาษสี หนังสือพิมพ์ นิตยสาร กล่องกระดาษ และกระดาษลัง
- แก้ว : ขวดแก้ว แก้วแตก และภาชนะแก้วต่าง ๆ
- โลหะ : เหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดง ทองเหลือง สเตนเลส เป็นต้น
- อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ : คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ สายชาร์จ หูฟัง เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน อุปกรณ์เครื่องเสียง
- แบตเตอรี่ : แบตเตอรี่รถยนต์ แบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือ แบตเตอรี่สำรอง และแบตเตอรี่ชนิดอื่น ๆ
ราคาขยะรีไซเคิลแต่ละประเภท
เมื่อเรารู้แล้วว่าของที่รีไซเคิลได้มีอะไรบ้าง ก็มาถึงในส่วนข้อมูลราคาขยะรีไซเคิลแต่ละประเภท เพราะยิ่งมีความรู้เรื่องนี้เท่าไร ก็จะทำให้ไม่โดนเอาเปรียบเวลาที่นำขยะรีไซเคิลไปขาย
- โลหะ :
- ทองแดงเป็นโลหะที่มีราคาสูงที่สุดในบรรดาขยะรีไซเคิลทั่วไป โดยราคาอยู่ที่ประมาณ 150-200 บาทต่อกิโลกรัม
- ทองเหลืองมีราคาประมาณ 100-150 บาทต่อกิโลกรัม
- อะลูมิเนียมมีราคาประมาณ 50-70 บาทต่อกิโลกรัม
- อิเล็กทรอนิกส์ :คอมพิวเตอร์เก่าอาจขายได้ราคาตั้งแต่ 100-1,000 บาทต่อเครื่อง ขึ้นอยู่กับรุ่นและสภาพ
- โทรศัพท์มือถือเก่าอาจขายได้ตั้งแต่ 50-500 บาทต่อเครื่อง
- โทรศัพท์มือถือเก่าอาจขายได้ตั้งแต่ 50-500 บาทต่อเครื่อง
- กระดาษ :
- กระดาษขาว-ดำมีราคาสูงสุดที่ประมาณ 7-10 บาทต่อกิโลกรัม
- กระดาษสีและกระดาษหนังสือพิมพ์มีราคาประมาณ 3-5 บาทต่อกิโลกรัม
- พลาสติก :
- ขวดพลาสติกใสมีราคาประมาณ 10-15 บาทต่อกิโลกรัม
- ถุงพลาสติกและพลาสติกอื่น ๆ มีราคาประมาณ 5-10 บาทต่อกิโลกรัม
- แก้ว :
- แก้วเป็นวัสดุที่มีราคารับซื้อต่ำที่สุดในบรรดาขยะรีไซเคิลทั่วไป โดยมีราคาประมาณ 1-2 บาทต่อกิโลกรัม
- แก้วเป็นวัสดุที่มีราคารับซื้อต่ำที่สุดในบรรดาขยะรีไซเคิลทั่วไป โดยมีราคาประมาณ 1-2 บาทต่อกิโลกรัม
- แบตเตอรี่ :
- ราคาแตกต่างกันไปตามชนิดของแบตเตอรี่และสภาพตลาด แต่โดยเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 30-50 บาทต่อกิโลกรัม
อย่างไรก็ตาม ราคาขยะรีไซเคิลเหล่านี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับสภาพตลาดและความต้องการรีไซเคิลของเหลือใช้ในแต่ละช่วงเวลา ดังนั้น จึงควรหมั่นติดตามข่าวสารอยู่เสมอ เพื่อหาจังหวะที่จะสามารถสร้างรายได้จากการนำขยะรีไซเคิลไปขายได้มากที่สุด
วิธีการเตรียมของที่รีไซเคิลได้ไปขายเพื่อให้ได้ราคาดีที่สุด
- แยกขยะตามประเภท : การแยกของที่รีไซเคิลได้ตามประเภทอย่างชัดเจนจะช่วยให้ผู้รับซื้อสามารถประเมินราคาได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้คุณได้ราคาที่ดีกว่าการนำขยะหลายประเภทมาปนกัน เช่น แยกขวดพลาสติกใสออกจากพลาสติกชนิดอื่น หรือแยกโลหะแต่ละชนิดออกจากกัน
- ทำความสะอาดขยะ : ขยะที่สะอาดจะได้ราคาดีกว่าขยะสกปรก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับพลาสติกและแก้ว ควรล้างทำความสะอาดและตากให้แห้งก่อนนำไปขาย สำหรับกระดาษ ควรแยกส่วนที่เปียกหรือเปื้อนออก ส่วนโลหะควรกำจัดสิ่งปนเปื้อนออกให้มากที่สุด
- บดหรืออัดขยะ : การบดหรืออัดขยะให้มีขนาดเล็กลงจะช่วยประหยัดพื้นที่ในการขนส่งและจัดเก็บ ทำให้ได้ราคาขยะรีไซเคิลที่ดีขึ้น โดยเฉพาะสำหรับพลาสติกและกระดาษ เช่น การบีบอัดขวดพลาสติกหรือกล่องกระดาษให้แบนลง
- จัดเรียงขยะให้เรียบร้อย : การจัดเรียงของที่รีไซเคิลได้อย่างเป็นระเบียบจะช่วยให้ผู้รับซื้อสามารถประเมินปริมาณและคุณภาพของขยะได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้ได้ราคาขยะรีไซเคิลที่ดีขึ้น เช่น การมัดกระดาษเป็นปึก หรือการบรรจุขวดพลาสติกลงในถุงใสเพื่อให้เห็นปริมาณชัดเจน
- สะสมขยะรีไซเคิลให้ได้ปริมาณมาก ๆ ก่อนนำไปขาย : เพราะการขายในปริมาณมากอาจได้ราคาต่อหน่วยที่ดีกว่าการขายทีละน้อย โดยเฉพาะสำหรับวัสดุที่มีราคาต่อกิโลกรัมไม่สูงมาก เช่น กระดาษหรือพลาสติก
การรีไซเคิลของเหลือใช้ไม่เพียงแต่เป็นการสร้างรายได้เสริมเท่านั้น แต่ยังเป็นการช่วยลดปริมาณขยะที่ต้องกำจัด อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอีกด้วย เรียกได้ว่านี่คือสิ่งที่ควรทำเพื่อประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว และเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการสร้างสังคมที่ยั่งยืนเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
อยากกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างถูกวิธี แถมได้ราคาดี ให้ HRT Recycling เป็นผู้ช่วย
ผู้ประกอบการท่านใดต้องการกำจัดขยะอิเล็กทรอนิส์อย่างปลอดภัย และสามารถสร้างรายได้เสริมอีกทางหนึ่ง สามารถนำขยะอิเล็กทรอนิส์มาขายได้ที่ HRT Recycling บริษัทรับซื้อขยะอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีรายการที่รับซื้อมีดังต่อไปนี้
- อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ทั่วไป เช่น คอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ เซิร์ฟเวอร์ โทรศัพท์มือถือ
- เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เช่น ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ เครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้า เตาไมโครเวฟ และเครื่องใช้ในครัวเรือนอื่น ๆ ที่มีส่วนประกอบของอิเล็กทรอนิกส์
- อุปกรณ์ภาพและเสียง เช่น เครื่องเล่น DVD เครื่องเล่น Blu-ray ระบบสเตอริโอ ลำโพง หูฟัง และอุปกรณ์ภาพและเสียงอื่น ๆ
- กล้องดิจิทัล กล้องวิดีโอ และอุปกรณ์เสริม เช่น การ์ดหน่วยความจำ และแบตเตอรี่
- คอนโซลวิดีโอเกม ตัวควบคุม และอุปกรณ์เสริมที่เกี่ยวข้อง
- อุปกรณ์เครือข่าย เช่น เราเตอร์ โมเด็ม สวิตช์ และอุปกรณ์เครือข่ายอื่น ๆ ที่ใช้สำหรับการเชื่อมต่อ
- อินเทอร์เน็ต เครื่องพิมพ์และเครื่องสแกน เช่น เครื่องพิมพ์อิงก์เจ็ต เครื่องพิมพ์เลเซอร์ สแกนเนอร์ และอุปกรณ์เสริมที่เกี่ยวข้อง
- อุปกรณ์สำนักงาน เช่น เครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องแฟกซ์ เครื่องทำลายเอกสาร และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ที่พบได้ทั่วไปในสำนักงาน
ในฐานะผู้นำด้านการรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย เรารีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์มากกว่า 3,000 ตัน มีใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจโรงงานรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่จำเป็นทั้งหมดในประเทศไทย เพื่อส่งเสริมธุรกิจที่โปร่งใส โดยทีมของเราพร้อมไปรับขยะอิเล็กทรอนิกส์จากสำนักงานของคุณ หรือคุณสามารถส่งขยะอิเล็กทรอนิกส์มาที่เราโดยตรงได้เลย !
แหล่งอ้างอิง
- 7 Tips to Recycle Better. สืบค้นเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2567 จาก https://www.earthday.org/7-tips-to-recycle-better/